สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย
( วัดร่องขุ่น )
สถานที่ตั้ง : ตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย
57000
เวลาทำการ ทุกวัน 06.30 – 18.00
ประวัติวัติวัดร่องขุ่น
วัดร่องขุ่น
เป็นวัดที่มีความสวยงามโดดเด่นต่างจากวัดอื่นๆ ด้วยฝีมือการออกแบบ
และก่อสร้างของ อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดัง
เพื่อเป็นวัดประจำบ้านเกิด สร้างโดยจินตนาการของอาจารย์
จัดเป็นงานพุทธศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ และงดงามน่าแวะชมมากแห่งหนึ่งอ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
มีแรงบันดาลใจในการสร้างวัดแห่งนี้อยู่ 3
ประการ คือ เพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ซึ่งอาจารย์บอกว่า จึงตั้งความปรารถนาที่จะถวายชีวิต
ใช้ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตนเอง สร้างงานพุทธศิลป์
เพื่อเป็นงานประจำรัชกาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ได้
และจะถวายชีวิตไปจนตายคาวัด" (จากเอกสารของวัดร่องขุ่น)
ความงดงามของวัดแห่งนี้อยู่ที่ "โบสถ์"
เพราะอาจารย์อยากจะเนรมิตวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์
เป็นวิมานบนดินที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ โบสถ์
เปรียบเหมือนบ้านของพระพุทธเจ้า สีขาว แทนพระบริสุทธิคุณของพระพุทธเจ้า
กระจกขาว หมายถึง
พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่เปล่งประกายไปทั่วโลกมนุษย์ และจักรวาล
สะพาน
หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ก่อนขึ้นสะพานครึ่งวงกลมเล็ก
หมายถึง โลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู หมายถึง
กิเลสในใจแทนขุมนรกคือทุกข์
ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร
เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านขึ้นไปพบกับพระราหูอยู่เบื้องซ้าย
และพญามัจจุราชอยู่เบื้องขวา บนสันของสะพานจะประกอบไปด้วยอสูรกลืนกัน 16
ตน ข้างละ 8 ตน หมายถึง อุปกิเลส 16
จากนั้นก็จะถึงกึ่งกลางสะพานหมายถึง เขาพระสุเมรุ
ซึ่งเป็นที่อยู่ของเทวดา ด้านล่างเป็นสระน้ำหมายถึง สีทันดรมหาสมุทร
มีสวรรค์ตั้งอยู่ด้วยกัน 6 ชั้นด้วยกัน ผ่านสวรรค์ 6
เดินลงไปสู่พรหม 16 ชั้น
แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 16 ดอกรอบพระอุโบสถ ดอกที่ใหญ่สุด
4 ดอก ตรงทางขึ้นด้านข้างโบสถ์หมายถึง
ซุ้มพระอริยเจ้า 4 พระองค์ ประกอบด้วยพระโสดาบัน
พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์ เป็นสงฆ์สาวกที่ควรกราบไหว้บูชาก่อนขึ้นบันได
ครึ่งวงกลมหมายถึง โลกุตตรปัญญา บันไดทางขึ้น 3 ขั้นแทน
อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา ผ่านแล้วจึ้งขึ้นไปสู่อรูปพรหม 4 แทนด้วยดอกบัวทิพย์ 4 ดอกและบานประตู 4
บาน บานสุดท้ายเป็นกระจกสามเหลี่ยมแทนความว่าง
ซึ่งหมายถึงความหลุดพ้น แล้วจึงก้าวข้ามธรณีประตูเข้าสู่พุทธภูมิภายในประกอบด้วยภาพเขียนโทนสีทองทั้งหมด
ผนัง 4 ด้าน เพดานและพื้นล้วนเป็นภาพเขียนที่แสดงถึงการหลุดพ้นจากกิเลสมาร
มุ่งเข้าสู่โลกุตตรธรรม ส่วนบนของหลังคาโบสถ์
ได้นำหลักการของการปฏิบัติจิต 3 ข้อ คือ ศีล สมาธิ
ปัญญา นำไปสู่ความว่างคือความหลุดพ้นนั่นเอง
|
|
|
|
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixOUgZkNx1Te3q9YhUEPz8APl9w2Vt79uCitd5lHgBjYGbT2rHjtgJP6VpYi_R4xfvF-WcLkkPhI41uVjHAskxAsO1x3g7zOb_v2kUGqXrrkH_bdGsLqTT02mcGxcY8K6ie0ZegnvREgRZ/s1600/White_Temple_in_Thailand.jpeg)
ความหมายของอุโบสถ
สีขาว : พระบริสุทธิคุณ ของพระพุทธเจ้า
สะพาน : การเดินข้ามจากวัฎสงสาร]]สู่[[พุทธภูมิ
เขี้ยว หรือ ปากพญามาร : กิเลสในใจ
สันของสะพาน : มีอสูรอมกันข้างละ 8 ตัว 2 ข้าง รวมกันแทนอุปกิเลส
16
กึ่งกลางของสะพาน : เขาพระสุเมรุ
ดอกบัวทิพย์ : มี 4
ดอกใหญ่ตรงทางขึ้นด้านข้างอุโบสถแทนซุ้ม[[พระอริยเจ้า]] 4 พระองค์ คือ พระโสดาบัน
พระสกิทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
บันไดทางขึ้น : มี 3 ขั้นแทน อนิจจัง ทุกขัง
อนัตตา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น